การอ่านไพ่บาคาร่า
ก่อนอื่นทีมงานขออธิบายกฎและวิธีการอ่านไพ่บาคาร่าให้เข้าใจกันนะครับ
ไพ่บาคาร่าเล่นด้วยสำรับไพ่ปกติที่ประกอบด้วยไพ่เล่นจำนวน 6-8 เส้น ซึ่งแต่ละเส้นมีจำนวนไพ่เท่าๆ กัน โดยที่ในแต่ละเส้นของไพ่จะแบ่งได้เป็น ไพ่ผู้เล่น (Player) และ ไพ่แบงค์เกอร์ (Banker) ซึ่งผู้เล่นจะเลือกวางเดิมพันว่า “ผู้เล่น” หรือ “แบงค์เกอร์” จะชนะในการจั่วไพ่หรือเสมอกัน (Tie) หรือไม่
เส้นไพ่แต่ละเส้นจะถูกแจกไพ่ออกมา 2 ใบ แล้วนับรวมค่าของไพ่เป็นแต้ม โดยมีกฎการนับแต้มได้ดังนี้:
- ไพ่ประเภท A นับแต้มเป็น 1 แต้ม
- ไพ่ประเภท 2-9 นับแต้มเท่ากับตัวเลขที่ปรากฏบนไพ่
- ไพ่ประเภท 10, J, Q, K นับแต้มเป็น 0 แต้ม
หลังจากนั้นผู้เล่นและแบงค์เกอร์จะเริ่มจั่วไพ่ตามกฎที่กำหนดไว้ กฎการจั่วไพ่มีดังนี้:
-
ถ้าผู้เล่นหรือแบงค์เกอร์มีไพ่เล่นเพียง 2 ใบและนับแต้มได้ 8 หรือ 9 แต้ม (เรียกว่า “นึกหัว”) จะไม่จั่วไพ่ใบเพิ่มและเกมจบลงทันที
-
ถ้าผู้เล่นมีแต้มรวมตั้งแต่ 0-5 แต้ม จะจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
-
ถ้าผู้เล่นจั่วไพ่เพิ่มแล้วและผลรวมแต้มของไพ่อยู่ที่ 6 หรือ 7 แต้ม จะไม่จั่วไพ่ใบเพิ่ม
-
หลังจากผู้เล่นจั่วไพ่เพิ่มแล้ว แบงค์เกอร์จะต้องจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่จั่วอยู่ในข้อกำหนดต่อไปนี้:
- ถ้าแบงค์เกอร์มีแต้มรวม 0-2 แต้ม จะจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
- ถ้าแบงค์เกอร์มีแต้มรวม 3 แต้ม และผู้เล่นจั่วไพ่เพิ่มไม่ใช่ 8 แต้ม จะจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
- ถ้าแบงค์เกอร์มีแต้มรวม 4 แต้ม และผู้เล่นจั่วไพ่เพิ่มอยู่ในช่วง 2-7 แต้ม จะจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
- ถ้าแบงค์เกอร์มีแต้มรวม 5 แต้ม และผู้เล่นจั่วไพ่เพิ่มอยู่ในช่วง 4-7 แต้ม จะจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
- ถ้าแบงค์เกอร์มีแต้มรวม 6 แต้ม และผู้เล่นจั่วไพ่เพิ่มอยู่ในช่วง 6-7 แต้ม จะจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
- ถ้าแบงค์เกอร์มีแต้มรวม 7 แต้ม จะไม่จั่วไพ่ใบเพิ่ม
- หลังจากจั่วไพ่เสร็จสิ้น แต้มรวมของไพ่ที่แต่ละฝ่ายได้จะถูกนับและเปรียบเทียบกัน ฝ่ายที่มีแต้มรวมใกล้เคียง 9 แต้มมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะในเกมนั้นๆ ในกรณีที่แต้มรวมเท่ากันหรือเกิดเสมอ (Tie) ในการแข่งขันระหว่างผู้เล่นและแบงค์เกอร์ จะไม่มีฝ่ายไหนชนะ และการเดิมพันในสองฝ่ายจะถูกคืนให้กับผู้เล่นทุกคนที่วางเดิมพันในรอบนั้นๆ
ค่าแต้มของไพ่ในบาคาร่ามีความสำคัญสูงสุดที่ 9 แต้ม และสูงสุดที่ 0 แต้ม เมื่อไพ่ได้ค่ามากกว่า 9 แต้ม จะเอาเลขหลักหน่วยเท่านั้นมาใช้ในการนับ ตัวอย่างเช่น ไพ่ที่มีแต้มรวม 13 แต้มจะถูกนับเป็น 3 แต้ม
การอ่านไพ่บาคาร่าแบบมังกร
รูปแบบคล้ายแบบมังกรจะสังเกตได้ง่ายง่ายคือกระดานไพ่บาคาร่าเกมนั้นจะมีการออกผลทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งติดกัน 5 ครั้งขึ้นไป ตามภาพประกอบด้านล่าง
จุดสังเกต: ตามรูปแบบจะแสดงออกถึงการออกผลซ้ำของทางฝั่ง Banker(เจ้ามือ) ติดต่อกันจนเป็นเส้นตรง ถ้าหากบนกระดานมีการออกผลลักษณะนี้ให้เดาได้เลยว่ามันคือไพ่สไตล์มังกรซึ่งผู้เล่นสามารถเดิมพันตามหามังกรไปได้เรื่อยเรื่อยจนกว่าจะเปลี่ยนฝั่ง
”หมายเหตุ” การอ่านไพ่แบบมังกรนั้นอาจสลับการออกผลของทางฝั่งเจ้ามือหรือพูดเล่นติดต่อกันหลายหลายรอบสังเกตตามตารางจะเป็นเส้นตรงแนวยาว
การอ่านไพ่บาคาร่าแบบปิงปอง
การอ่านไพ่แบบปิงปองเล็กแบบว่าไพ่ปิงปองสามารถสังเกตลักษณะได้ง่ายจากกระดานโดยส่วนมากแล้วจะออกหน้าฝั่งทางผู้เล่นและทางเจ้ามือสลับกันเป็นลูกเดียว หากบนกระดานมีการสลับสีเดี๋ยวเดียวแบบนี้ก็ให้ผู้เล่นสันนิษฐานได้เลยว่าเค้าไพ่ปิงปองเข้าแล้ว
จุดสังเกต: การออกสลับสีแบบฝั่งน้ำเงินและแดงสลับกันผลออกระหว่างทางเจ้ามือและผู้เล่นก็จะออกผลเพียงแค่หนึ่งครั้งจะไม่เบิ้นจะมีการออกซ้ำและจะสลับกันไปจนทั้งกระดานผู้เล่นก็สามารถตามตารางได้เลย
การอ่านไพ่บาคาร่าแบบฝั่งผู้เล่นนำ(Player)
เป็นการอ่านไพ่ที่มีรูปแบบการออกที่ตายตัวรูปแบบไหนก็ได้ของของไพ่ส่วนใหญ่จะเป็นการออกผลที่ฝั่งผู้เล่นเป็นหลักอาทิเช่นขึ้นเป็นฝั่งน้ำเงินแล้วหลังจากนั้นเปลี่ยนมาเป็นคู่น้ำเงินตัด 382 แล้วขึ้นมาเป็นไพ่น้ำเงินอีกครั้งและหมุนวนแบบนี้โดยที่จะเน้นไปที่ฝั่งผู้เล่นเป็นหลักนั่นเอง
การอ่านไพ่บาคาร่าแบบฝั่งเจ้ามือนำ(Banker)
เป็นการอ่านไพ่ที่มีลักษณะคือแบบฝั่งเจ้ามือนำแค่คล้ายกับเค้าไพ่ ฝั่งผู้เล่นโดยรูปแบบการออกของไพ่จะผสมปนเปไปหลากหลายเค้าไพ่แต่ว่าเหมือนกาญจนาจะออกไปทางฝั่งเจ้ามือมากกว่าผู้เล่น
จุดสังเกต: ดังภาพจะเห็นว่ามีการออกผลส่วนใหญ่เป็นการชนะของทางฝั่งเจ้ามือตัวอาจจะขึ้นเป็นไพ่รูปแบบมังกรแดงหรือไพร่ตัดสองสลับกันก็ได้มีเข้าไปลักษณะนี้ขอให้สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นไพ่ที่เข้าทางฝั่งเจ้ามือนั่นเอง